หัวข้อธรรมประเภทนี้ มีไว้สำหรับใช้เพ่ง
เพื่อให้เห็น ข้อเท็จจริงแห่งข้อความนั้น
แล้วเพ่งต่อไป เพื่อให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้น ขึ้นมาจริงๆ
จนจิตใจเปลี่ยนไป ตามข้อเท็จจริงนั้น
ในการที่จะทำให้เกิด ความสลดสังเวช ความไม่ประมาท
การเปลี่ยนนิสัยที่ไม่พึงปราถนา
กวาดล้า่งความรู้สึก ที่ทำความรำคาญให้แก่ตน ให้หมดไปจากจิตใจ
เพื่อให้เกิดความสะอาด ความสว่างและความสงบ
โดยสมควรแก่การกระทำของตน
ความรู้ความเข้าใจ ที่เกิดจากการเพ่งทำนองนี้ จะถูกต้อง
และมีประโยชน์กว่าที่เกิดจากการอ่านตะพึด
และยังเป็นการปฏิบัติกรรมฐานภาวนาชนิดหนึ่งอยู่ในตัว
ทั้งสมาธิและปัญญา ในระดับที่คนทั่วไปจะพึงทำได้
และพร้อมกันนั้นก็เป็นศีลอยู่แล้ว
ในขณะที่มีการสังวรระวัง บังคับตัวเองให้ทำเช่นนั้น
ไม่มีโอกาสแก่การทุศีลแต่ประการใด

จากอนันตะสู่อนันตะ

จาก "อนันต์" สู่ "อนันต์" นั้นเห็นยาก
คนส่วนมาก งันงง ตรงความหมาย
"ไม่สิ้นสุด ทั้งฝ่ายเกิด และฝ่ายตาย"
ภาษาคน ไม่ขวนขวาย มาฟังยิน

ข้อนี้ต้อง เปรียบเทียบ กับเสียงระฆัง
คือมันดัง ออกมาได้ ไม่รู้สิ้น
ดังออกมา เรื่อยเรื่อยไป ได้อาจิณ
ก็ไม่เคย เต็มถิ่น อากาศกาล

เหมือนสังขตะ ธรรมธาตุ ปรุงแต่งกัน
เนืองอนันต์ มิรู้สิ้น สายสังขาร
ปรุงออกมา นานนับ กี่กัปป์วาร
อวสานต์ นั้นไม่มี ที่เหตุมูล

แม้ธรรมธาตุ อสังขตะ สุญญตา
เป็นอนันต์ เสมอมา ไม่ขาดสูญ
เป็นที่ดับ แห่งสังขาร แต่กาลบูรพ์
ไม่เต็มนูน, เพราะอนันต์ นั่นเลนาฯ

No comments: