หัวข้อธรรมประเภทนี้ มีไว้สำหรับใช้เพ่ง
เพื่อให้เห็น ข้อเท็จจริงแห่งข้อความนั้น
แล้วเพ่งต่อไป เพื่อให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้น ขึ้นมาจริงๆ
จนจิตใจเปลี่ยนไป ตามข้อเท็จจริงนั้น
ในการที่จะทำให้เกิด ความสลดสังเวช ความไม่ประมาท
การเปลี่ยนนิสัยที่ไม่พึงปราถนา
กวาดล้า่งความรู้สึก ที่ทำความรำคาญให้แก่ตน ให้หมดไปจากจิตใจ
เพื่อให้เกิดความสะอาด ความสว่างและความสงบ
โดยสมควรแก่การกระทำของตน
ความรู้ความเข้าใจ ที่เกิดจากการเพ่งทำนองนี้ จะถูกต้อง
และมีประโยชน์กว่าที่เกิดจากการอ่านตะพึด
และยังเป็นการปฏิบัติกรรมฐานภาวนาชนิดหนึ่งอยู่ในตัว
ทั้งสมาธิและปัญญา ในระดับที่คนทั่วไปจะพึงทำได้
และพร้อมกันนั้นก็เป็นศีลอยู่แล้ว
ในขณะที่มีการสังวรระวัง บังคับตัวเองให้ทำเช่นนั้น
ไม่มีโอกาสแก่การทุศีลแต่ประการใด

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ

มิใยใคร  จะพึ่ง  ซึ่งพระเจ้า
แต่พวกเรา  ชาวพุทธ-  ศาสนา
ผู้เชื่อฟัง  โอวาท  พระศาสดา
พึ่งธรรมา  คือพึ่ง  ซึ่งตัวเอง

ประกอบกรรม  นำมา  ซึ่งโภคผล
ตั้งแต่ต้น  จนปลาย  ได้เหมาะเหม็ง
ทั้งทางโลก  ทางธรรม  ก็ยำเกรง
ถือเลบง  สร้างตัว  อยู่ทั่วกัน

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ แปล
ว่า "ตัวพึ่ง ตัว" แน่, ถ้าบิดผัน
เป็นอื่นไป  วนเวียน  พาเหียรครัน
พึ่งเขานั้น  ไม่ "หนึ่ง" เหมือนพึ่งตัวฯ

รสสวรรค์นั้นเสพติด

อันลัทธิ  นานา  น่าเวียนหัว
จงถอนตัว  ออกมา  เสียให้ห่าง
เรื่องพระเจ้า  เรื่องสวรรค์  นั้นเหมือนยาง
เป็นตังเหนียว  กั้นกาง  ดวงวิญญาณ

เป็นกรงทอง  จองจำ  จำกัดเขต
น่าทุเรศ  กลับรัก  เป็นหลักฐาน
ความหลุดพ้น  ใช่อร่อย  เช่นอ้อยตาล
ทั้งไม่ลาน  ตาพราว  ราวเพชรพลอย

รสสวรรค์  นั่นเสพติด  พิษฉมัง
ถูกกักขัง  ก็ไม่รู้  เหมือนปูหอย
อยู่แต่รู  มิได้รู้  เรื่องนกน้อย
ที่บินลอย  เวหา  ว่าปานใดฯ

การปิดทอง

การปิดทอง  ต้องหมายถึง  ความสมัคร
ประพฤติธรรม  พร้อมพรัก  ตามที่สอน
เพื่อบูชา  เต็มความรัก  ประจักษ์ตอน
ยามม้วยมรณ์  หรือยังอยู่  ดูเหมือนกัน

สุขจะเกิด  ทั่วกัน  นั้นยืนนาน
ทุกเหตุการณ์  ทุกทุกภพ  ประสบสันติ์
เพราะเหตุที่  มีธรรม  ประจำวัน
ประพฤติกัน  อย่างกะของ  ที่ต้องกิน

ผิดจากนี้  มีแต่  จะงายงม
ดูไม่สม  ตามส่วน  ที่ควรถวิล
ปิดทองนอก  ได้ความงาม  ตามระบิล
ปิดทองใน  ใจสิ้น  ความว่ายเวียนฯ

สนทนากับพระเจ้า

บางเวลา  สนทนา  กับพระเจ้า
ท่านคอยเฝ้า  ดูโลก  อันโยกไหว
ด้วยขันติ  เมตตา  ปรานีไป
เท่าไรเท่าไร  สัตว์โลก  ยังโยกโคลง

เพราะเมาจัด  ด้วยวัต-  ถุนิยม
เกิดระทม  ทุกข์ร้าย  กว่าตายโหง
ตายทั้งเป็น  เหมือนว่าเล่น  ทุกชั่วโมง
ยิ่งกว่าตาย  ใส่โลง  ซึ่งครั้งเดียว

ทำอย่างไร  ก็ยังไม่  มองเห็นทาง
จะเลิกร้าง  หมดสิ่ง  น่าหวาดเสียว
เมื่อศีลธรรม  กลับผัน  มาทันเทียว
โลกจะเกี่ยว  ก่อสุข  ยุคศรีอาริย์ฯ

สู้กับหมอน

หนุนหมอนต่ำ  นอนหงาย  สบายหนอ
ถ้าหมอนสูง  นอนหงาย  กลัวตายโหง
คือคอหัก  เผาะออกไป  ได้ใส่โลง
แต่มันโล่ง  สบายเหลือ  เมื่อนอนตะแคง

พ่อคุณเอ๋ย  จะต้องมี  สองสามหมอน
ช่างหลอกหลอน  ไปได้  หลายแขนง
แก้ลำมัน  อย่ามีมัน  ให้เหนื่อยแรง
นอนตะแคง  หรือนอนหงาย  ใช้แขนรอง

นอนแต่น้อย ไม่ตะบอย  หาความสุข
จากการนอน ไม่อยากจะลุก: เป็นโรคสมอง
ที่กิเลส  ชักนำใจ  ให้ลำพอง
จนเราต้อง  มีอะไร  ให้เกินควรฯ

เราสร้างดวง อย่าให้ดวงสร้างเรา

เราดี  ดีกว่าดวง
เพราะดีนั้นมีที่เรา, ดีกว่าที่ดวง

ทำดีนั่นแหละเราหน่วง เอาดีทั้งปวง
มาทำให้ดวง  มันดี

ดวงชั่วไม่ได้เลยนี่ ถ้าเราขยันมี
ความดีทำไว้  เป็นคุณ

อยู่ดี ตายดี เพราะบุญ ทำไว้เจือจุน
ตลอดชีวิตติดมา

ดวงดีมีอยู่อัตรา ก็เพราะเหตุว่า
เราทำดีเป็น  เห็นมั้ย?

เหตุนั้น เราท่านใดใคร ทำดีเสมอไป
ดวงดีจักมีสมบูรณ์ฯ

กรรมดี ดีกว่ามงคล

กรรมดี ดีกว่ามงคล สืบสร้าง กุศล
ดีกว่า นั่งเคล้า ของขลัง

พระเครื่อง ตะกรุด อุทกัง ปลุกเสก แสนฉมัง
คาดมั่ง แขวนมั่ง รังรุง

ขี้ขลาด หวาดกลัว หัวยุ่ง กิเลส เต็มพุง
มงคล อะไร ได้คุ้ม

อันธพาล ซื้อหา มาคุม เป็นเรื่อง อุทลุม
นอนตาย ก่ายเครื่อง รางกอง

ธรรมะ ต่างหาก เป็นของ เป็นเครื่อง คุ้มครอง
เพราะว่า  เป็นพระ องค์จริง
มีธรรม ฤามี ใครยิง ไร้ธรรม ผีสิง
ไม่ยิง ก็ตาย เกินตาย

เหตุนั้น เราท่าน หญิงชาย เร่งขวน เร่งขวาย
หาธรรม มาเป็น มงคล

กระทั่ง บรรลุ มรรคผล หมดตัว หมดตน
พ้นจาก เกิด แก่ เจ็บ ตาย

บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ใจกาย อุปัทวะ ทั้งหลาย
ไม่พ้อง ไม่พาน สถานใด

เหนือโลก เหนือกรรม อำไพ กิเลสา- สวะไหน
ไม่อาจ ย่ำยี บีฑาฯ