หัวข้อธรรมประเภทนี้ มีไว้สำหรับใช้เพ่ง
เพื่อให้เห็น ข้อเท็จจริงแห่งข้อความนั้น
แล้วเพ่งต่อไป เพื่อให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้น ขึ้นมาจริงๆ
จนจิตใจเปลี่ยนไป ตามข้อเท็จจริงนั้น
ในการที่จะทำให้เกิด ความสลดสังเวช ความไม่ประมาท
การเปลี่ยนนิสัยที่ไม่พึงปราถนา
กวาดล้า่งความรู้สึก ที่ทำความรำคาญให้แก่ตน ให้หมดไปจากจิตใจ
เพื่อให้เกิดความสะอาด ความสว่างและความสงบ
โดยสมควรแก่การกระทำของตน
ความรู้ความเข้าใจ ที่เกิดจากการเพ่งทำนองนี้ จะถูกต้อง
และมีประโยชน์กว่าที่เกิดจากการอ่านตะพึด
และยังเป็นการปฏิบัติกรรมฐานภาวนาชนิดหนึ่งอยู่ในตัว
ทั้งสมาธิและปัญญา ในระดับที่คนทั่วไปจะพึงทำได้
และพร้อมกันนั้นก็เป็นศีลอยู่แล้ว
ในขณะที่มีการสังวรระวัง บังคับตัวเองให้ทำเช่นนั้น
ไม่มีโอกาสแก่การทุศีลแต่ประการใด

ยิ่งคัดลอกยิ่งเลอะเทอะ

พระคัมภีร์ ยังมิใช่ องค์พระธรรม
มีไว้เพียง อ่านจำ เมื่อศึกษา
ครั้นนานเข้า คัดลอก กันสืบมา
เพียงแต่เขียน อักขรา ให้คล้ายกัน

คัดพลาง ฉงนพลาง ช่างอึดอัด
ตัวไม่ชัด เดาไป คล้ายในฝัน
ยิ่งเป็นปราชญ์ ยิ่งแก้ไป ได้ไกลครัน
ยิ่งแก้มัน ก็ยิ่งเลอะ ไม่เจอะจริง

ส่วนพระธรรม ล้ำเลิศ ประเสริฐแท้
ไม่มีใคร อาจแก้ ให้ยุ่งขิง
ธรรมของใคร ใครเห็น ตามเป็นจริง
มิใช่สิ่ง คัดลอก หรือบอกกัน

ทั้งมิอาจ ถ่ายทอด วิธีใด
มีแต่การ จัดใจ ให้สบสันติ์
ไม่มีทาง ซื้อขาย หรือให้ปัน
หรือลอกกัน ให้เลอะไป ไม่หยุดเอยฯ

No comments: