หัวข้อธรรมประเภทนี้ มีไว้สำหรับใช้เพ่ง
เพื่อให้เห็น ข้อเท็จจริงแห่งข้อความนั้น
แล้วเพ่งต่อไป เพื่อให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้น ขึ้นมาจริงๆ
จนจิตใจเปลี่ยนไป ตามข้อเท็จจริงนั้น
ในการที่จะทำให้เกิด ความสลดสังเวช ความไม่ประมาท
การเปลี่ยนนิสัยที่ไม่พึงปราถนา
กวาดล้า่งความรู้สึก ที่ทำความรำคาญให้แก่ตน ให้หมดไปจากจิตใจ
เพื่อให้เกิดความสะอาด ความสว่างและความสงบ
โดยสมควรแก่การกระทำของตน
ความรู้ความเข้าใจ ที่เกิดจากการเพ่งทำนองนี้ จะถูกต้อง
และมีประโยชน์กว่าที่เกิดจากการอ่านตะพึด
และยังเป็นการปฏิบัติกรรมฐานภาวนาชนิดหนึ่งอยู่ในตัว
ทั้งสมาธิและปัญญา ในระดับที่คนทั่วไปจะพึงทำได้
และพร้อมกันนั้นก็เป็นศีลอยู่แล้ว
ในขณะที่มีการสังวรระวัง บังคับตัวเองให้ทำเช่นนั้น
ไม่มีโอกาสแก่การทุศีลแต่ประการใด

ฝนอิฐเป็นกระจกเงา

ศิษย์วอนถาม อาจารย์ ฐานร้อนใจ
'ทำอย่างไร ไปนิพพาน อาจารย์ขา'
'อ๋อมันง่าย นี่กระไร บอกให้นา
คือคำว่า ฝนอิฐเป็น กระจกเงา'

'อาจารย์ครับ เขาคงว่า เราบ้าใหญ่
แม้ฝนไป ฝนไป ก็ตายเปล่า'
'นั่นแหละเน้อ มันสอนให้ แล้วไม่เบา
ว่าให้เรา หยุดหา หยุดบ้าไป

ไม่มีใคร ฝนอิฐ เป็นกระจก
ไม่ต้องยก มากล่าว เข้าใจไหม
นิพพานนั้น ถึงได้ เพราะไม่ไป
หมดตนไซร้ ว่างเห็น เป็นนิพพาน

ถ้าฝนอิฐ ก็ฝนให้ ไม่มีเหลือ
ไม่มีเชื้อ เวียนไป ในสงสาร
ฝนความวุ่น เป็นความว่าง อย่างเปรียบปาน
ฝนอิฐด้าน ให้เป็นเงา เราบ้าเอง' ฯ

No comments: